ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แข่งดุ! ลามิน่าลุยต่อยอด ‘ฟิล์มเพื่อสัตว์เลี้ยง’

ตลาดฟิล์มรถยนต์แข่งดุ! สะพัด 1.8 พันล้าน ลามิน่าลุยต่อยอด ฟิล์มในบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยง

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” ฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูมาร์” ผลิตโดยอีสท์แมน เพอร์ฟอร์แมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่” จากสวีเดน และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร “แอลลักซ์” คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดฟิล์มรถยนต์ในประเทศปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.5-1.8 พันล้านบาท เติบโตตามตลาดรถยนต์ใหม่ คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 9 แสนคัน ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ฟิล์มลามิน่าในฐานะผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งประมาณ 33% ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 795 ล้านบาท เติบโตประมาณ 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นางสาวจันทร์นภากล่าวว่า พฤติกรรมการเลือกซื้อฟิล์มของเจ้าของรถยนต์ มีการปรับเปลี่ยนไปหลากหลาย ตลาดฟิล์มมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีฟิล์มราคาถูกเข้ามาจำหน่ายในประเทศมากมาย

ต่อมามีฟิล์มเซรามิกเข้ามาจำหน่าย หลังจากนั้นมีฟิล์มเซรามิกคุณภาพไม่ดี เข้ามาตีตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะฟิล์มจากบางประเทศในเอเชียเข้ามาตีตลาดฟิล์มคุณภาพ แม้ว่าจะพยายามโฆษณาว่ากันความร้อนได้ แต่การใช้งานจริงไม่สามารถกันได้อย่างที่โฆษณา รวมทั้งการป้องกันรังสียูวี

ทำให้ขณะนี้มีผู้นำเข้าฟิล์มจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศกว่า 20 ราย บางรายเป็นผู้ที่เคยนำเข้ามาจำหน่ายแล้วในอดีต แต่เมื่อเวลาผ่านไป นำสินค้าคุณภาพไม่ดีเข้ามาจำหน่าย ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จึงไปเปลี่ยนเป็นยี่ห้ออื่น และนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอีก แต่หากนับเฉพาะผู้จำหน่ายฟิล์มที่มีคุณภาพ มีประมาณ 3 บริษัท มีส่วนแบ่งการตลาด หรือ มาร์เก็ตแชร์ รวมกันถึง 65% ของตลาดฟิล์มทั้งหมด ที่เหลือจะเป็นรายเล็กอีกจำนวนมาก

นางสาวจันทร์นภากล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคขณะนี้หันมาสนใจเลือกซื้อทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งดูรีวิวสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ป้ายดำหรือรถยนต์ที่ไม่ใช่รถใหม่ แต่ต้องการเปลี่ยนฟิล์ม จึงหาทางเลือกอื่นๆ จะแตกต่างจากรถยนต์ป้ายแดง เป็นรถใหม่มักเลือกฟิล์มจากคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก

ปัจจุบันรถรุ่นใหม่จำเป็นต้องใช้ฟิล์มที่มีคุณสมบัติหลากหลายมากขึ้น ไม่เฉพาะกันความร้อนและรังสียูวีได้เท่านั้น แต่จะต้องพัฒนาฟิล์มที่สามารถยอมให้สัญญาณการเชื่อมต่อระบบดิจิทัลต่างๆ ในรถยนต์

นับวันจะยิ่งมีความล้ำสมัยมากขึ้น การเชื่อมต่อต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และไม่ใช่ช่วยให้สัญญาณเชื่อมต่อได้เท่านั้น แต่จะต้องทำให้การเชื่อมต่อสัญญาณทำได้ดี ต้องมีส่วนช่วยให้การเชื่อมต่อดีขึ้นด้วย จึงเป็นที่มาทำให้ลามิน่าพยายามพัฒนาสรรหาฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มีคุณภาพให้ทันสมัยอยู่เสมอ

นางสาวจันทร์นภากล่าวว่า ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่มีทั้งแบบไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด สมาร์ทคาร์ รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือแม้แต่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปปกติทั่วไป ก็มีระบบต่างๆ ภายในรถมากมาย ลามิน่าจึงนำฟิล์มกรองแสงหลากหลายออกมารองรับ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีฟิล์มเซรามิกได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา พัฒนากลุ่มฟิล์มดิจิทัลบูสต์ มีทั้งลามิน่า ดิจิทัล ซีเอ็ม ไอคอน บูสต์, ลามิน่า ดิจิทัล ซีเอ็ม วัน บูสต์, ลามิน่า ดิจิทัล มิสทรี่ บูสต์ ล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

นางสาวจันทร์นภากล่าวว่า นอกจากฟิล์มกรองแสงรถยนต์แล้ว ลามิน่ายังจำหน่ายฟิล์มอาคารบ้านเรือน โดยปกติจะมีอัตราการเติบโตเล็กน้อย และไม่มีผลอย่างมีนัยยะต่อพอร์ตของบริษัทมากนัก เพราะสัดส่วนการจำหน่ายต่างกันมาก แต่ในช่วงโควิดถือว่ามีอัตราการเติบโตดีขึ้น เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น เทรนด์การใช้ชีวิตมีการปรับเปลี่ยน เมื่อค่าไฟแพงขึ้น และคนนิยมดูแลสัตว์เลี้ยงมากขึ้น มองว่าเป็นสมาชิกในบ้าน ก็ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากขึ้น

ดังนั้นจึงมีการติดตั้งฟิล์มในที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพื่อต้องการดูแลสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัขและแมว ลามิน่าจึงนำสินค้าฟิล์มกรองแสงสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นการเฉพาะ อยู่ในกลุ่มบัดดี้ ซีรีส์ ขณะนี้เปิดตัวแล้ว มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาจะสูงกว่าฟิล์มบ้านปกติเพียงเล็กน้อยประมาณ 5-10%

“เราพยายามคัดสรรฟิล์มที่ดี มีคุณสมบัติเพื่อใช้สำหรับติดช่วยลดแสงยูวี ลดความร้อน และช่วยลดความเครียด ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค” นางสาวจันทร์นภากล่าว